กรอบแนวคิดในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น

แนวทางในการพัฒนาท้องถิ่นของเทศบาลตำบลป่าบง ในปี 2559 – 2561 ได้กำหนดทิศทางการพัฒนาที่มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาระดับต่าง ๆ ทั้งระดับชาติ และแผนพัฒนาระดับจังหวัด โดยคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง  ในส่วนประเด็นยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง   ได้แก่

การพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาล

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555 – 2559)

วิสัยทัศน์ประเทศไทย 

มุ่งพัฒนาสู่  “สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง”

พันธกิจ

การพัฒนาประเทศในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์บนหลักการของการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติในทุกมิติของการพัฒนา  มีพันธกิจ  ดังนี้

(1)  สร้างสังคมเป็นธรรมและเป็นสังคมที่มีคุณภาพ  ทุกคนมีความมั่นคงในชีวิต  ได้รับการคุ้มครองทางสังคมที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม  มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค   ทุกภาคส่วนได้รับการเสริมพลังให้สามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา  ภายใต้ระบบบริหารจัดการภาครัฐที่โปร่งใส  เป็นธรรม

(2)  พัฒนาคุณภาพคนไทยให้มีคุณธรรม  เรียนรู้ตลอดชีวิต  มีทักษะและการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย  สถาบันทางสังคมและชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง  สามารถปรับตัวรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง

(3)  พัฒนาฐานการผลิตและบริการให้เข้มแข็งและมีคุณภาพบนฐานความรู้  ความคิดสร้างสรรค์  และภูมิปัญญา  สร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน  ปรับโครงสร้างการผลิตและการบริโภคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  พร้อมสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม

(4)  สร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน  รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ

วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลัก

วัตถุประสงค์

(1)  เพื่อเสริมสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเป็นสังคมสันติสุข

(2)  เพื่อพัฒนาคนไทยกลุ่มวัยอย่างเป็นองค์รวมทั้งทางกาย  ใจ  สติปัญญา  อารมณ์  คุณธรรม จริยธรรม  และสถาบันทางสังคมมีบทบาทหลักในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ

(3)  เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียร  คุณภาพ  และยั่งยืน  มีความยั่งยืนมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายการผลิตสินค้าและบริการบนฐานปัญญา  นวัตกรรม  และความคิดสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน  มีความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน  การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนำไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ

(4)  เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เพียงพอต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ  และเป็นฐานที่มั่นคงของการพัฒนาประเทศ

เป้าหมายหลัก

(1)  ความอยู่เย็นเป็นสุขและความสงบสุขของสังคมไทยเพิ่มขึ้น  ความเหลื่อมล้ำในสังคมลดลงสัดส่วนผู้อยู่ใต้เส้นความยากจนลดลง

(2)  คนไทยมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง  มีสุขภาวะดีขึ้น  มีคุณธรรม  จริยธรรม  และสถาบันทางสังคมมีความเข้มแข็งมากขึ้น

(3)  เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่เหมาะสมตามศักยภาพของประเทศ  เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ  เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

(4)  คุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน  เพิ่มประสิทธิภาพการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  รวมทั้งเพิ่มพื้นที่ป่าไม้เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์

ยุทธศาสตร์การพัฒนา

การพัฒนาประเทศให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข  เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน  ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ปรับเปลี่ยนเร็วคาดการณ์ได้ยากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น  โดยเร่งสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยง  และเสริมรากฐานประเทศด้านต่าง ๆ ให้เข้มแข็งควบคู่ไปกับการพัฒนาคนและสังคมไทยให้มีคุณภาพ  มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นธรรม  รวมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้และความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  ดังนี้

1)  ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม

1.1)  การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมให้ทุกคนในสังคมไทยควบคู่กับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการจัดการความเสี่ยงและสร้างโอกาสในชีวิตให้แก่ตนเอง

1.2)  การจัดบริการสังคมให้ทุกคนตามสิทธิขั้นพื้นฐาน  เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันระดับปัจเจก  และสร้างการการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในการพัฒนาประเทศ

1.3)  การเสริมสร้างพลังให้ทุกคนสามารถเพิ่มทางเลือกการใช้ชีวิตในสังคมและมีส่วนร่วมในเชิงเศรษฐกิจ  สังคม  และการเมืองได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี

1.4)  การสานสร้างความสัมพันธ์ของคนในสังคมให้มีคุณค่าร่วมและตระหนักถึงผลประโยชน์ของสังคม  และเสริมสร้างการบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ  โปร่งใสมีระบบตรวจสอบและการรับผิดชอบที่รัดกุม

2)  ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน

2.1)  การพัฒนาคุณภาพคนไทยให้มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง

2.2)  การส่งเสริมการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างเป็นองค์รวม

2.3)  การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

2.4)  การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันทางสังคม

3)  ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งภาคเกษตร  ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน

3.1)  การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นฐานการผลิตภาคเกษตรให้เข้มแข็ง

และยั่งยืน

3.2)  การเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตภาคเกษตร

3.3)  การสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิต

3.4)  การสร้างความมั่นคงในอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกร

3.5)  การสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพัฒนาพลังงานชีวภาพในระดับครัวเรือ และชุมชน

4)  ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

4.1)  การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพและยั่งยืน

4.2)  การพัฒนาวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี  วิจัย  และนวัตกรรม

4.3)  การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ เท่าเทียม

และเป็นธรรม

5)  ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม

5.1)  การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ภายใต้กรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคต่างๆ

5.2)  การพัฒนาฐานลงทุนโดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับอนุภูมิภาค

5.3)  การสร้างความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

5.4)  การมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการสร้างสังคมนานาชาติที่มีคุณภาพชีวิต  ป้องกันภัย จากการก่อการร้ายและอาชญากรรม  ยาเสพติด  ภัยพิบัติ  และการแพร่ระบาดของโรคภัย

5.5)  การเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่มีผลบังคับใช้แล้ว

5.6)  การปรับปรุงและเสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคีการพัฒนาภายในประเทศตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่น

6)  ยุทธศาสตร์การจัดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

6.1)  การอนุรักษ์  ฟื้นฟู  และสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

6.2)  การปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศเพื่อเตรียมพร้อมไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

6.3)  การยกระดับขีดความสามารถในการรองรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  เพื่อให้สังคมมีภูมิคุ้มกัน

6.4)  การเตรียมความพร้อมรองรับกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ

6.5)  การสร้างภูมิคุ้มกันด้านการค้าจากเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

6.6)  การควบคุมและลดมลพิษ

6.7)  การพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพ  โปร่งใส  และเป็นธรรมอย่างบูรณาการ

แผนการบริหารราชการแผ่นดิน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลมีนโยบายต่างๆ 11 ด้าน โดยได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่าด้วยความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นสำคัญ ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทรงเน้นความพอดี พอสม     แก่ฐานะ ความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกันมาเป็นแนวคิด ใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 แนวทางของ คสช. และความต้องการของประชาชนที่แสดงออกมาโดยตลอด ซึ่งน่าจะชัดเจนขึ้นในช่วงเวลาแห่งการออกแบบการปฏิรูปประเทศ เป็นแนวทางการกำหนดนโยบาย คำนึงถึงปัญหาของประเทศ คำนึงถึงเงื่อนเวลา คำนึงถึงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า ได้แก่การที่ประเทศต้องเร่งฟื้นฟูจากความบอบช้ำทางเศรษฐกิจ ความหวาดระแวงทางสังคม จนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมือง การทุจริตประพฤติมิชอบในภาครัฐ จนกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนอิดหนาระอาใจและเข็ดขยาด และการเคลื่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่ต้องมีความพร้อม ไม่ถูกใครอื่นมองว่าเราเป็นตัวปัญหาของประชาคม ข้อสำคัญนโยบายทุกด้าน ต้องสร้างความเข้มแข็งแด่องค์กรปกครองทุกระดับ ตั้งแต่ท้องถิ่นถึงประเทศ ต้องการเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมปัญหาทั้งระยะเฉพาะหน้าที่ต้องทำทันที ระยะกลางที่ต้องทำต่อไปหรือต้องรอการบังคับใช้กฎหมาย และระยะยาว แม้จะไม่เห็นผลในระยะอันใกล้ แต่รัฐบาลนี้ต้องการวางรากฐานเพื่อให้รัฐบาลข้างหน้าเข้ามารับช่วงได้อย่างต่อเนื่อง ประการสำคัญ ต้องการให้ประชาชนเกิดความชัดเจน รู้ล่วงหน้าว่าประเทศของเราจะก้าวไปทางไหน

1. นโยบายการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ จะใช้มาตรการทางกฎหมายมาตรการทางสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและความผูกพันภักดีของคนอีกเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นจริงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชน ทั้งจะสนับสนุนโครงการทั้งหลายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนเร่งขยายผลตามโครงการและแบบอย่างที่ทรงวางรากฐานไว้ให้แพร่หลายเป็นที่ประจักษ์และเกิดประโยชน์ในวงกว้างอันจะช่วยสร้างความสมบูรณ์พูนสุขแด่ประชาชนในที่สุด

2. นโยบายการรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ ในระยะเร่งด่วน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการเตรียมพร้อมสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนในกิจการ 5 ด้าน ได้แก่ การบริหารจัดการชายแดน การสร้างความมั่นคงทางทะเล การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การสร้างความไว้วางใจกับประเทศเพื่อนบ้านและการเสริมสร้างในการปฏิบัติการทางการทหารร่วมกันของอาเซียน โดยเน้นความร่วมมือเพื่อป้องกัน แก้ไขข้อพิพาทต่างๆและการแก้ไขปัญหาเส้นเขตแดนโดยใช้กลไกระดับทวิภาคีและพหุภาคี เร่งแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคมใต้ โดยนำยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนามาใช้ตามแนวทางกัลยาณมิตรแบบสันติวิธี ส่งเสริมการพูดคุยสันติสุขกับผู้มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นพหุสังคม ขจัดการฉวยโอกาสก่อความรุนแรงแทรกซ้อน เพื่อซ้ำเติมปัญหาไม่ว่าจากผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง ทั้งจะเพิ่มระดับปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศที่อาจช่วยคลี่คลายปัญหาได้

พัฒนาและเสริมสร้างของกองทัพและระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย มีความพร้อมในการรักษาอธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติ ปลอดพ้นจากการคุกคามทุกรูปแบบ ส่งเสริมและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเองในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ สามารถบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้ เสริมสร้างความความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศบนหลักการที่ว่านโยบายการต่างประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญของนโยบายองค์รวมทั้งหมดในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าในด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม โดยจะนำกลไกทางการทูตแบบบูรณาการมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การคุ้มครองดูแลคนไทยและผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน การแลกเปลี่ยนทางการศึกษา วัฒนธรรม การค้า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเปิดโลกทัศน์ให้มีลักษณะสากล เป็นต้น

3. นโยบายการลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ ในระยะเฉพาะหน้า จะเร่งสร้างโอกาส อาชีพ และการมีรายได้ที่มั่นคงแก่ผู้ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยให้แรงงานทั้งระบบมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้และพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในทุกระดับอย่างมีมาตรฐาน ป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รวมถึงปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง การทารุณกรรมต่อแรงงานข้ามชาติ การท่องเที่ยวที่เน้นบริการทางเพศและเด็ก และปัญหาคนขอทาน โดยการปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับที่จำเป็นและเพิ่มความเข้มงวดในการระวังตรวจสอบ

ในระยะต่อไป จะพัฒนาระบบการคุ้มครองทางสังคม ระบบการออมและระบบสวัสดิการชุมชนให้มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการดูแลให้มีระบบการกู้ยืมที่เป็นธรรมและการสงเคราะห์ผู้ยากไร้อัตภาพ พัฒนาศักยภาพ คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิจัดสวัสดิการช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ สตรีและเด็ก เตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการมีเงินหรือกิจกรรมที่เหมาะสม เพื่อสร้างสรรค์และไม่ก่อภาระต่อสังคมในอนาคต โดยจัดเตรียมระบบการดูแลในบ้าน สถานพักฟื้น และโรงพยาบาล ที่เป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และครอบครัว รวมทั้งพัฒนาระบบการเงินการคลังสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ

เตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมที่มีความหลากหลาย เนื่องจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยสร้างความเข้มแข็งและความพร้อมแก่แรงงานไทยและร่วมพัฒนาระบบความคุ้มครองทางสังคมของแรงงานอาเซียน

จัดระเบียบสังคม สร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนทั่วไป โดยใช้ค่านิยมหลัก 12 ประการ ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ได้ประกาศไว้แล้ว แก้ปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกรและการรุกล้ำเขตป่าสงวน โดยการกระจายสิทธิการถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รุกล้ำ และออกมาตรการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในครอบครองของผู้ที่มิใช่เกษตรกร ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจและวิธีการแผนที่ที่ทันสมัย แก้ไขปัญหาเขตที่ดินทับซ้อนและแนวเขตพื้นที่ป่าที่ไม่ชัดเจน อันก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ

4. นโยบายการศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม จัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ โดยให้ความสำคัญทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษาทางเลือกไปพร้อมกัน เพื่อสร้างคุณภาพของคนไทยให้สามารถเรียนรู้ พัฒนาตนได้เต็มตามศักยภาพ โดยเน้นการเรียนรู้เพื่อสร้างสัมมาชีพในพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนากำลังคนให้เป็นที่ต้องการเหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจบริการระยะเฉพาะหน้า จะปรับเปลี่ยนการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการศึกษาให้สอดคล้องกับความจำเป็นของผู้เรียนและลักษณะพื้นที่ของสถานศึกษา จัดระบบการสนับสนุนให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปมีสิทธิเลือกรับบริการการศึกษาทั้งในระบบโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยจะพิจารณาจัดให้มีคูปองการศึกษาเป็นแนวทางหนึ่งให้องค์กรภาคประชาสังคม ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแลประขาชนทั่วไปมีโอกาสร่วมจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและทั่วถึง และร่วมในการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ กระจายอำนาจการบริหารจัดการศึกษาสู่สถานศึกษา โดยให้สถานศึกษาสามารถเป็นนิติบุคคลและบริหารจัดการได้อย่างอิสระและคล่องตัวขึ้น

พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพและมีจิตวิญญาณของความเป็นครู เน้นครูผู้สอนให้มีวุฒิตรงตามวิชาที่สอน นำเทคโนโลยีสารสนเทศและเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้ในการเรียนการสอนเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยครูหรือเพื่อการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เช่น การเรียนทางไกล รวมทั้งระบบการประเมินสมรรถนะที่สะท้อนประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นสำคัญทะนุบำรุงและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ สนับสนุนให้องค์กรทางศาสนามีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ตลอดตนพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างสันติสุขและความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมไทยอย่างยั่งยืน

5. นโยบายการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน โดยวางรากฐานให้ระบบหลักประกันสุขภาพครอบคลุมประชากรในทุกภาคส่วนอย่างมีคุณภาพโดยไม่มีความเหลื่อมล้ำของคุณภาพบริการในแต่ละระบบ และบูรณาการข้อมูลระหว่างทุกระบบหลักประกันสุขภาพ พัฒนาระบบบริหารสุขภาพ โดยเน้นการป้องกันโรคมากกว่ารอให้ป่วยแล้วจึงมารักษา สร้างกลไกจัดการสุขภาพในระดับเขตแทนการกระจุกตัวอยู่ที่ส่วนกลาง ปรับระบบการจ้างงาน การกระจายบุคลากรและทรัพยากรสาธารณสุขให้เหมาะสมกับท้องถิ่น สนับสนุนความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ประสานการทำงานระหว่างภาคส่วนต่างๆ ในสังคม เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และปัญหาด้านการแพทย์และจริยธรรมของการอุ้มบุญ การปลูกถ่ายอวัยวะและสเต็มเซลล์ โดยจัดให้มีมาตรการและกฎหมายที่รัดกุม
6. นโยบายการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที ระยะต่อไปที่ต้องแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่ค้างคาอยู่ และระยะยาวที่ต้องวากรากฐานเพื่อความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

ในระยะเร่งด่วน เร่งจ่ายงบลงทุนของปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่ยังค้างอยู่ก่อนที่จะพ้นกำหนดภายในสิ้นปีนี้สานต่อนโยบายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติทีได้จัดทำไว้ โดยนำหลักการสำคัญของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่ให้ความสำคัญในการบูรณาการงประมาณ และความพร้อมในการดำเนินงานร่วมนำแหล่งเงินอื่นมาประกอบการพิจารณาด้วย ทบทวนภารกิจที่มีลักษณะไม่ยั่งยืนหรือสร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศเกินความจำเป็นและแสดงรายการลงทุนในระดับจังหวัดเพื่อความโปร่งใส เป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ กระตุ้นการลงทุนด้ายการเร่งพิจารณาโครงการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนักลงทุนยื่นขออนุมัติส่งเสริมการลงทุนไว้แล้วให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และนำโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเภทที่มีผลตอบแทนดี เช่น โครงการขนส่งมวลชนในกทม.มาจัดทำเป็นโครงการลงร่วมกับเอกชน ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีทั้งในวงการก่อสร้าง วงการอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงินดูแลเกษตรให้มีรายได้ที่เหมาะสมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ลดต้นทุนการผลิต การช่วยเหลือในเรื่องปัจจัยการผลิตอย่างทั่วถึงลดอุปสรรคในการส่งออกเพื่อให้เกิดความคล่องตัว เช่น ปรับปรุงวิธีการตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าและมาตรฐานการผลิตระดับไร่นา เป็นต้น ชักจูงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย โดยพิจารณามาตรการลดผลกระทบจากการประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่ที่มีต่อการท่องเที่ยวในโอกาสแรกที่จะทำได้ เน้นการให้ความรู้ และเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การควบคุมสินค้าและบริการให้มีคุณภาพราคาเป็นธรรม
ในระยะยาวต่อไป ประสานนโยบายการเงินและการคลังให้สอดคล้องกันเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจพร้อมกับการรักษาเสถียรภาพของราคาอย่างเหมาะสม แก้ปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนและปัญหาขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่และบางฤดูกาลโดยระดมความคิดเห็นเพื่อหาทางออกไม่ให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงดังเช่นปี 2554 ส่วนภาวะภัยแล้งนั้นรัฐบาลจะเร่งดำเนินการสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กให้กระจายครอบคลุม ซึ่งจะสามารถทำได้ในเวลาประมาณ 1 ปี ปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆให้สอดคล้องกับต้นทุนและให้มีภาระภาษีที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันต่างชนิดและผู้ใช้ต่างประเภท รวมถึงการดำเนินการให้มีการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบรอบใหม่ทั้งในทะเลและบนบก และดำเนินการให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยหน่วยงานของรัฐและเอกชน ด้วยวิธีการเปิดเผย โปร่งใส และเป็นมิตรต่อสภาวะแวดล้อม พร้อมกับร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาพลังงานปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีให้จัดเก็บอย่างครบถ้วน โดยปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้คงภาษีเงินได้ไว้ในระดับปัจจุบัน ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่ปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีทางด้านการค้าและขยายรากฐานการจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ ซึ่งจะจัดเก็บจากทรัพย์สิน เช่น ภาษีมรดก ภาษีจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยให้มีผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยให้น้อยที่สุด รวมทั้งปรับปรุงการลดหย่อนภาษีเงินได้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้มีรายได้น้อย และยกเลิกการยกเว้นภาษีประเภทที่เอื้อประโยชน์เฉพาะผู้ที่มีฐานะการเงินดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้นบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนสูงมากกว่า 700,000 ล้านบาท และเป็นภาระงบประมาณใน 5 ปีข้างหน้า อันจะทำให้เหลืองบประมาณเพื่อการลงทุนพัฒนาประเทศน้อยลง โดยประมวลหนี้เหล่านี้ให้ครบถ้วน หาแหล่งเงินระยะยาวมาสะสางหนี้ทั้งหมด และยืดระยะเวลาชำระคืนให้นานที่สุดเพื่อลดภาระของงบประมาณในอนาคตในระยะยาว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและคมนาคมทางบกโดยเริ่มโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใน กทม. และรถไฟฟ้าเชื่อมกทม.กับเมืองบริวารเพิ่มเติมเพื่อลดเวลาในการเดินทางของประชาชน เพื่อตั้งฐานให้รัฐบาลต่อไปทำได้ทันที ด้านคมนาคมทางอากาศ โดยปรับปรุงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานในภูมิภาค เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านการคมนาคมทางน้ำโดยพัฒนาการขนส่งสินค้าทางลำน้ำชายฝั่งทะเล เพื่อลดต้นทุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ เริ่มจากการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือชายฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ตลอดจนผลักดันให้ท่าเรือในลำน้ำเจ้าพระยาและป่าสักมีการใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าภายในประเทศและเชื่อมโงกับท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งการขุดลอกร่องน้ำลึกปรับโครงสร้างการบริหารจัดการในสาขาขนส่งที่มีการแยกบทบาทและภารกิจของหน่วยงานในระดับนโยบาย หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยปฎิบัติที่ชัดเจน และจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลระบบราง เพื่อทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานการให้บริการและความปลอดภัย โครงสร้างอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม การลงทุน การบำรุงรักษาและการบริหารจัดการ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบรางให้เป็นโครงข่ายหลักของประเทศ พัฒนาและปรับปรุงระบบบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพ กำหนดเป้าหมายและมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูกิจการ ตลอดจนพิจารณาความจำเป็นในการคงบทบาทการเป็นรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในด้านเกษตรกรรม ดำเนินการใน  2 เรื่องใหญ่ คือ การปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การแบ่งเขตเพื่อปลูกพืชแต่ละชนิด ในด้านอุตสาหกรรม ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพพื้นฐานของประเทศ เช่น ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ตั้งแต่ต้นนำจนถึงปลายน้ำ ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้การออกแบบและสร้างสรรค์เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมภาคเศรษฐกิจดิจิทัลและวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลให้เริ่มขับเคลื่อนได้อย่างจริงจัง ซึ่งจะทำให้ทุกภาคเศรษฐกิจก้าวหน้าไปได้ทันโลกและสามารถแข่งขันในโลกสมัยใหม่ได้ ปรับปรุงบทบาทและภารกิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงให้ดูแลและผลักดันงานสำคัญของประเทศชาติในเรื่องนี้และจะจัดให้มีคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

7. นโยบายการส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน เร่งพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งภายในอนุภูมิภาคและภูมิอาเซียน โดยเร่งขับเคลื่อนตามแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) แผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) แผนความร่วมมือแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) และแผนแม่บทความเชื่อมโยงในอาเซียนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยเริ่มจากการพัฒนาด่านการค้าชายแดนและโครงข่ายการคมนาคมขนส่งบริเวณประตูการค้าหลักของประเทศเพื่อรองรับการเชื่อมโยงกระบวนการผลิตและการลงทุนข้ามแดน พัฒนาระบบ National Single Window (NSW) โดยระยะแรกให้ความสำคัญกับด่านชายแดนที่สำคัญ 6 ด่าน ได้แก่ ปาดังเบซาร์ สะเดา อรัญประเทศ แม่สอด บ้านคลองลึก และบ้านคลองใหญ่

8. นโยบายการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและการพัฒนา และนวัตกรรมสนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศเพื่อมุ่งเป้าหมายให้ไม่ต่ำกว่า 1% ของรายได้ประชาชาติและมีสัดส่วนรัฐต่อเอกชน 30:70 ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันส่งเสริมให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศ เช่น ด้านพลังงานสะอาด ระบบราง ยานยนต์ ไฟฟ้า การจัดการน้ำและขยะ ใช้ประโยชน์จากผลการศึกษาวิจัย และพัฒนาและนวัตกรรมของไทยตามความเหมาะสม ในกรณีที่จำเป็นจะต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีจากต่างประเทศจะให้มีเงื่อนไขการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้ในอนาคตด้วย
9. นโยบายการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ในระยะเฉพาะหน้า เร่งป้องกันและฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า โดยให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ จัดทำแนวเขตแดนของรัฐให้ชัดเจน ส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่เอกชนเพื่อลดแรงกดดันในการตัดไม้จากป่าธรรมชาติในระยะต่อไป พัฒนาระบบบริหารจัดการที่ดินและแก้ไขการบุกรุกที่ดินของรัฐโดยยึดแนวพระราชดำริที่ให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้ เช่น กำหนดเขตป่าชุมชนให้ชัดเจน บริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้เป็นเอกภาพในทุกมิติทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ จัดให้มีแผนบริหารน้ำของประเทศ เพื่อให้การจัดทำแผนงานไม่เกิดความซ้ำซ้อนมีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบเร่งรัดการควบคุมมลพิษทางอากาศ ขยะ และน้ำเสีย ที่เกิดจากการผลิตและบริโภค ในพื้นที่ใดที่สามารถจัดการขยะมูลฝอย โดยการแปรรูปเป็นพลังงานก็จะสนับสนุนให้ดำเนินการ ส่วนขยะอุตสาหกรรมนั้นจะวางระเบียบมาตรการเป็นพิเศษ โดยกำหนดให้ทิ้งในบ่อขยะอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นแบบมีมาตรฐาน และพัฒนาระบบตรวจสอบไม่ให้มีการลักลอบทิ้งขยะติดเชื้อ และใช้มาตรการทางกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด

10. นโยบายการส่งเสริมการบริหารราชกาแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ จัดระบบอัตรากำลังและปรับปรุงค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐให้เหมาะสมและเป็นธรรม ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นวางใจในระบบราชการ ลดต้นทุนดำเนินการของภาคธุรกิจเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับนานาประเทศ การรักษาบุคลากรภาครัฐที่มีประสิทธิภาพไว้ในระบบราชการ โดยจะดำเนิเนการตั้งแต่ระยะเฉพาะหน้าไปตามลำดับความจำเป็นและตามที่กฎหมายเอื้อให้สามารถดำเนินการได้ในระยะแรก กระจายอำนาจเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริหารสาธารณะได้รวดเร็ว ทั้งจะวางมาตรการทางกฎหมาย มิให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยง ประวิงเวลา หรือใช้อำนาจโดยมิชอบก่อให้เกิดการทุจริต หริอสร้างความเสียหายแก่ประชาชนโดยเฉพาะนักลงทุน ในระยะเฉพาะหน้าจะเน้นการปรับปรุงหน่วยงานให้บริการด้านการทำธุรกิจ การลงทุน และด้านบริการสาธารณะในชีวิตประจำวันเป็นสำคัญ เสริมสร้างระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายบุคลากรภาครัฐ วางมาตรการป้องกันการแทรกแซงจากนักการเมือง และส่งเสริมให้มีการนำระบบพิทักษ์คุณธรรมมาใช้ในการบริหารงานบุคคลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆปรับปรุงและจัดให้มีกฎหมายเพื่อให้ครอบคลุมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และการมีผลประโยชน์ทับซ้อนในภาครัฐทุกระดับ โดยถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนแห่งชาติและเป็นเรื่องที่ต้องแทรกอยู่ในการปฏิรูปทุกด้าน ทั้งจะเร่งรัดการดำเนินการต่อผู้กระทำการทุจริตทั้งในด้านวินัยและคดี รวมทั้งให้ผู้ใช้บริการมีโอกาสประเมินระดับความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ และเปิดเผยผลการประเมินต่อประชาชน อีกทั้งจะทำกรณีศึกษาที่เคยเป็นปัญหา เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การ่วมทุน การใช้จ่ายเงินภาครัฐ การปฏิบัติโดยมิชอบ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยขององค์กรต่างๆ มาเป็นบทเรียนให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประมวลเป็นกฎระเบียบหรือคู่มือในการปฏิบัติราชการ 11. นโยบายการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในระยะเฉพาะหน้า จะเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมายหลักของประเทศและกฎหมายอื่นๆที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยจะใช้กลไกของหน่วยงานเดิมที่มีอยู่และระดมผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจเป็นผู้เร่งดำเนินการ เพิ่มศักยภาพหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้ความเห็นทางกฎหมาย และจัดทำกฎหมายให้ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว สามารถให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนและประชาชนได้ตามหลักเกณฑ์ที่เปิดกว้างขึ้นในระยะต่อไป จะจัดตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่ปราศจากการแทรกแซงของรัฐนำเทคโนโลยีทีทันสมัยและความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีทุกขั้นตอนให้รวดเร็วเกิดความเป็นธรรมปรับปรุงระบบการช่วยเหลือทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยให้เข้าถึงความเป็นธรรมได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งเสริมกองทุนยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือคนจนและผู้ด้อยโอกาส คุ้มครองผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ และเยียวยาผู้บริสุทธิ์หรือได้รับผลกระทบจากความไม่เป็นธรรมนำมาตรการทางการเงิน ภาษี และการป้องกันการฟอกเงินมาใช้กับการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตประพฤติมิชอบ หรือกระทำผิดด้านค้ามนุษย์ แรงงานทาส การก่อการร้ายสากล ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ

นโยบาย เป็นกรอบใหญ่และแนวทางการทำงานของรัฐบาล โดยวางเป้าหมายอยู่ที่การสร้างสังคมให้มีการปฏิรูป มีความเป็นธรรมและไม่ทุจริต โดยหลังจากการแถลงนโยบายแล้ว รัฐบาลจะซักซ้อมความเข้าใจแก่บรรดาเจ้าหน้าที่ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติจริงอีกครั้ง รัฐบาลตระหนักว่านโยบายนี้จะสัมฤทธิ์ผลต่อเมื่อมีการจัดทำแผนปฏิบัติราชการรองรับอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดหน่วยงานที่จะปฏิบัติ ระยะเวลา วิธีการและงบประมาณที่ชัดเจนสามารถติดตามการทำงานและตรวจราชการได้ รัฐบาลจะจะมอบหมายให้ทุกส่วนราชการ จัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าว โดยจำกัดกรอบเวลาใน 1 ปี

ยุทธศาสตร์หลักที่ คชส. ยึดถือเป็นแนวทาง

  1. ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม
  2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน
  3. ยุทธศาสตร์สร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร ความมั่นคงอาหารและพลังงาน
  4. ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติมโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
  5. ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
  6. ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
  7. ยุทธศาสตร์ในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในการใช้บริการอย่างแท้จริง
  8. ยุทธศาสตร์ในเรื่องการปรับปรุงระบบโทรคมนาคม เทคโนโลยีของชาติให้เกิดความมั่นคงในอนาคตให้ทัดเทียมอาเซียนและประชาคมโลก
  9. ยุทธศาสตร์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอรัปชั่นอย่างยั่งยืน

ค่านิยมหลักของคนไทย

  1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจจุบัน
  2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
  3. กตัญญูพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
  4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษา เล่าเรียน ทางตรงและทางอ้อม
  5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
  6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หลังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
  7. เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
  8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
  9. มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
  10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระ

เจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้

  1. ถ้าเหลือก็แจกจ่าย จำหน่ายและขยายกิจการ เมื่อมีความพร้อม โดยมีภูมิคุ้มกันที่ดี
  2. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลสมีความละอาย เกรงกลัว

ต่อบาปตามหลักของศาสนา

  1. คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

นโยบายของรัฐบาล

  1. การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
  2. การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ
  3. การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ
  4. การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
  5. การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน
  6. การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
  7. การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
  8. การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และพัฒนา และนวัตกรรม
  9. การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
  10. การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ
  11. การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ 4 ปี (พ.ศ.2558 – 2561)

วิสัยทัศน์จังหวัดเชียงใหม่ : นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่งบนฐานของความสง่างามทางวัฒนธรรม และศูนย์กลางการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนระดับสากล

พันธกิจ

  1. ส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวและบริการระดับสากล
  2. ส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางของการค้า การลงทุน และการคมนาคมขนส่งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
  3. ส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางเกษตรปลอดภัย
  4. ส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษาในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
  5. ส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นเมืองน่าอยู่บนพื้นฐานความสง่างามทางวัฒนธรรมล้านนา

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 :  การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์

1.1 ยกระดับห่วงโซ่อุปทานอาหารให้มีความเชื่อมโยงกับสินค้าเกษตรในพื้นที่

1.2 สร้างและพัฒนาปัจจัยแวดล้อมให้เอื้อต่อการค้าการลงทุนที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและเชื่อมโยงกับธุรกิจในชุมชนและท้องถิ่น

1.3 ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

1.4 ส่งเสริมและพัฒนาการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่การผลิตเชิงสร้างสรรค์

 

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 :  สร้างสังคมแห่งวัฒนธรรม ความรู้ ภูมิปัญญา จิตสาธารณะและพัฒนาศักยภาพคนให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์

2.1 สร้างความเป็นเลิศด้านการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

2.2 ส่งเสริมวัฒนธรรม ภูมิปัญญาที่มีศักยภาพ

2.3 ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและจิตสาธารณะ

2.4 พัฒนาคุณภาพคนและสุขภาวะให้เหมาะสมตามช่วงวัย และความหลากหลายของประชาก

การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 :  การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์

3.1 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ป้องกันและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

3.2 เสริมสร้างความร่วมมือและเครือข่ายในการป้องกัน ควบคุม ลดและขจัดมลพิษ

3.3 พัฒนาเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพ การอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานทดแทนให้เหมาะสมและยั่งยืน

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 :  การสร้างความมั่นคง ปลอดภัย และความสงบสุขของประชาชน ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์

4.1 บูรณาการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงและอาชญากรรม

4.2 เสริมสร้างความมั่งคงพื้นที่ชายแดนและความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน

4.3 การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 :  การพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐและการให้บริการประชาชนที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรม ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์

5.1 พัฒนาขีดความสมรรถนะและคุณธรรมจริยธรรมของบุคลากรในการปฏิบัติงาน

5.2 เสริมสร้างการบริหารงานอย่างมีส่วนร่วมกับเครือข่ายการพัฒนาจากทุกภาคส่วน

5.3 ส่งเสริมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุกและพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง

5.4 เสริมสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และสามารถให้บริการอย่างรวดเร็วและทั่วถึง

 

ยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.2558 – 2561)

วิสัยทัศน์

“เป็นองค์กรหลักในการพัฒนาท้องถิ่นบนพื้นฐานของความเข้าใจในปัญหาและศักยภาพของท้องถิ่น โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน”

พันธกิจ

  1. เสริมสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. พัฒนาบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความทันสมัย มีคุณธรรม จริยธรรมตามกฎหมายบัญญัติ
  3. ส่งเสริมบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
  4. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น

มีประเด็นยุทธศาสตร์ทั้งหมด 7 ยุทธศาสตร์ 22 กลยุทธ์ 65 แนวทางการพัฒนา ดังนี้

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับชุมชน

กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งที่จำเป็น

กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

กลยุทธ์ที่ 3 พัฒนาการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2  การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

กลยุทธ์ที่ 1 ส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสร้างภูมิคุ้มกันระบบ

เศรษฐกิจ

กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อรองรับ AEC

กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมการค้า การลงทุน ที่เกิดประโยชน์ในท้องถิ่น

กลยุทธ์ที่ 4 ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับศักยภาพชุมชนและเกิดประโยชน์ต่อคนในท้องถิ่น

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3  การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

กลยุทธ์ที่ 1 การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยชุมชน

กลยุทธ์ที่ 2 การควบคุม ป้องกัน แก้ปัญหาขยะและมลภาวะในชุมชน

กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4  การอนุรักษ์ฟื้นฟูและสืบสาน ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น

กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนาองค์กรความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นในเชิงองค์รวม

กลยุทธ์ที่ 2 อนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นในชุมชน

กลยุทธ์ที่ 3 การเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นสู่ภายนอก

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5  การพัฒนาการศึกษา สาธารณสุขและคุณภาพชีวิต

กลยุทธ์ที่ 1 ส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

กลยุทธ์ที่ 2 การส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของคนในชุมชน

กลยุทธ์ที่ 3 การพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชน สตรี คนชราและผู้ด้อยโอกาส

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 6  การจัดระเบียบภายในชุมชน และการสร้างความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย

กลยุทธ์ที่ 1 การรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชุมชน

กลยุทธ์ที่ 2 การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

กลยุทธ์ที่ 3 การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด อบายมุข และปัญหาแรงงานต่างด้าว

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 7  การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี

กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนาขีดความสามารถบุคลากรท้องถิ่น

กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาล

กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการตรวจสอบควบคุม

 

ยุทธศาสตร์การพัฒนาของเทศบาลตำบลป่าบง (พ.ศ.2559-2562)

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

  • แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมสนับสนุนการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน
  • แนวทางการพัฒนาโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพทางการเกษตรในพื้นที่

ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ฟื้นฟู สืบสานศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี  

ภูมิปัญญาท้องถิ่น และพัฒนาศักยภาพคนในชุมชน

2.1 แนวทางพัฒนาการจัดการศึกษา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในชุมชน

2.2 แนวทางการพัฒนาส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนา และวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น

2.3 แนวทางการพัฒนาส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรคและการบริโภคอาหารสะอาด

2.4 แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตสงเคราะห์ช่วยเหลือ

2.5  แนวทางการพัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมการท่องเที่ยว

2.6  แนวทางการพัฒนาส่งเสริมการเล่นกีฬา และการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

ยุทธศาสตร์ที่ 3  การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

3.1 แนวทางการพัฒนาสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

3.2  แนวทางการพัฒนาบำบัดและจัดการขยะ

ยุทธศาสตร์ที่ 4  การสร้างความมั่นคงปลอดภัย และความสงบสุขของชุมชน

4.1 แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดบำบัดการจัดการขยะ

4.2 แนวทางการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และบริการการแพทย์ฉุกเฉิน

ยุทธศาสตร์ที่ 5  การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี

5.1 แนวทางการพัฒนาระบบการบริหารจัดการ และสร้างกระบวนการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล

5.2 แนวทางการพัฒนาปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ทันสมัย เพียงพอและเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน

ยุทธศาสตร์ที่ 6  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

6.1 พัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้ครอบคลุมที่พื้นที่

6.2 พัฒนาระบบสาธารณูปการ เพื่อให้บริการประชาชน

6.3 พัฒนาระบบคมนาคม

 

การพัฒนาตามนโยบายของผู้บริหาร

นโยบายด้านการเมืองและการบริหารจัดการ

  1. ส่งเสริมให้มีการติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิด เพื่อป้องกันและดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับสถานที่ราชการเขตชุมชนและสถานที่สำคัญภายในเขตเทศบาลตำบลป่าบงเพิ่มประสิทธิภาพและแบ่งเบาภาระในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั้งภายในงานด้านปราบปรามอาชญากรรมและด้านจราจรเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน
  2. สนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน โดยจัดรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง อันจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการคุ้มครอง สิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึงเท่าเทียม มีคุณภาพมาตรฐาน โดยได้รับการช่วยเหลือและรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ มากขึ้นพร้อมบริการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉิน สำหรับบริการประชาชน เช่น คลังแท๊งค์ออกซิเจน เตียงนอนสำหรับผู้ป่วย อุปกรณ์ช่วยเดิน ล้อเข็น เป็นต้น
  3. ส่งเสริมและจัดตั้งศูนย์ประสานงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ให้ประชาชนสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือในเรื่องความเดือดร้อนต่างๆ ได้ทุกเรื่อง

      นโยบายด้านการพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิต                                                    

  1. ส่งเสริมให้มีการจัดสรรที่ดินว่างเปล่าให้กับราษฎรผู้ยากไร้ และไม่มี ที่อยู่อาศัยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอันเนื่องมาจากการ ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีที่ดินไม่เพียงพอแก่การทำกินพร้อมทั้งจัดสร้าง สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นได้แก่ถนนและแหล่งน้ำเพื่อให้ผู้รับการจัดที่ดิน สามารถใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์มากที่สุดซึ่งมีผลให้สามารถลดความรุนแรง ในการบุกรุกที่ดินของรัฐประชาชนได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน
  2. สนับสนุนส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี เพื่อให้ประชาชนได้มีสุขภาวะที่ดีภายใต้การเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมการดูแลสุขภาพและสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวันสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วยเรื้อรัง

     3.  ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต สำหรับกลุ่มสตรีแม่บ้าน อสม.  ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเกษตรกร กลุ่มเยาวชน ทุกหมู่บ้าน  โดยการจัดให้มี           การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมอาชีพ

 

นโยบายด้านการศึกษา  ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม

      1.ส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาทางการศึกษา ทางการกีฬา สนับสนุนและส่งเสริมด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ตามวิถีคนไทย และภูมิใจ ในความเป็นไทย การอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น งานรัฐพิธีต่าง ๆ

นโยบายด้านการสาธารณสุข                 

      1.การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลปัญหาขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลจำเป็นจะต้องได้รับการจัดการที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ปัญหาขยายตัวและรุนแรงยิ่งขึ้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยกฎหมายได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล

นโยบายด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว

  1. ส่งเสริมให้มีการติดตั้งอินเตอร์เน็ตไร้สาย (wifi) ซึ่งการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชน ซึ่งไม่เพียงแต่การให้บริการอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่จะครอบคลุมถึงการดำรงชีวิตของประชาชนและการบริการของรัฐเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
  2. ส่งเสริม และสนับสนุนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ศูนย์จักสาน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลในการเพิ่มอาชีพและรายได้ให้กับชุมชนในระดับรากหญ้า และถือเป็นรูปแบบของการกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชน

นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

  1. ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนสายหลักภายในเขตเทศบาลตำบลป่าบงเพื่อให้เกิดความสวยงามและมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ และเพื่อรองรับการท่องเที่ยว และขุดลอกลำเหมือง ปรับปรุงคู คลอง และทำความสะอาดคลอง ช่วยลดปัญหาน้ำเน่าเสียและป้องกันน้ำท่วม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

ปัจจัยและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนา

ผลการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลป่าบง

ชื่อปัญหา สภาพปัญหา
1.      ปัญหาด้านเศรษฐกิจ1.1    ราษฎรมีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ1.2    ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ 

 

 

 

 

1.3    ปัญหาการขาดประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพ / ปัญหาการตลาด

–    ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม / ว่างงานหลังฤดูเก็บเกี่ยว-    ราษฎรขาดความรู้ในการประกอบอาชีพที่หลากหลาย-    ราษฎรขาดความกระตือรือร้นในการประกอบอาชีพ-    ราษฎรขาดแคลนเงินทุนในการผลิต-    อัตราค่าจ้างแรงงานต่ำ 

–    ขาดแหล่งน้ำในการเกษตร ต้องอาศัยน้ำจากลำน้ำกวงซึ่งมีปริมาณน้อย

–    น้ำในการเกษตรไม่เพียงพอ เนื่องจากลำเหมืองตื้นเขิน มีวัชพืชปกคลุม

–    ภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย

–    ขาดพืชพันธุ์ดี / ขาดปุ๋ย

 

–     ราษฎรตำบลป่าบงส่วนใหญ่มีอาชีพจักสานไม้ไผ่เป็นอาชีพรอง ผลิตในครัว           เรือน

–     ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจในการทำงานระบบกลุ่ม / ขาดตลาดในการ           จำหน่ายผลผลิตประชาชนขาดการรวมตัวกันเพื่อประกอบธุรกิจร่วมกันใน               หมู่บ้าน  ตำบล

–     ต้นทุนการผลิตสูง

 

 

ชื่อปัญหา สภาพปัญหา
2. ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน2.1 ปัญหาการคมนาคมไม่สะดวก 

 

2.2  ปัญหาน้ำท่วมขัง

 

2.3  ปัญหาไฟฟ้า  โทรศัพท์ ไม่ทั่วถึง

 

3.      ปัญหาด้านแหล่งน้ำ

3.1    ปัญหาน้ำดื่มน้ำใช้ไม่สะอาดและไม่ทั่วถึงทุกครัวเรือน

 

3.2    ปัญหาน้ำในการเกษตรฤดูแล้งไม่เพียงพอ

 

 

 

–   ถนนในหมู่บ้านตำบลบางแห่งคับแคบ มีผิวจราจรกว้างเพียง 4.00 เมตร ไม่มี       ไหล่ทางเนื่องจากอยู่ติดกับลำเหมือง เป็นอันตรายต่อผู้สัญจรไปมา โดย              เฉพาะรถยนต์ในขณะที่รถวิ่งสวนทางกันบนผิวจราจรที่อยู่ในช่วงทางโค้ง-   ถนนในหมู่บ้านบางส่วนยังเป็นถนนลูกรัง  น้ำท่วมขังในฤดูฝน ถนนเป็น  หลุม       เป็นบ่อ-    สะพานบางแห่งคับแคบและชำรุด-    ถนนลาดยาง / คอนกรีต บางแห่งชำรุด เป็นหลุมเป็นบ่อ-    ขาดป้ายประชาสัมพันธ์ และป้ายบอกทิศทาง-          ถนนบางแห่งน้ำท่วมขัง เนื่องจากขาดทางระบายน้ำ

 

–    ราษฎรขยายเขตที่อยู่อาศัย

–   ยังขาดงบประมาณในการขยายเขตไฟฟ้าสาธารณะ

 

 

–     ระบบประปาของหมู่บ้านใช้น้ำจากใต้ดิน ซึ่งเป็นสนิมเหล็ก

–          ขาดระบบการกรองน้ำที่มีคุณภาพ

–          ขาดงบประมาณในการขยายระบบประปาหมู่บ้าน

 

–    เกษตรกรใช้น้ำจากน้ำแม่กวงในการเกษตร ซึ่งปริมาณน้ำมีน้อยไม่เพียงพอ

–   ขาดแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตรฤดูแล้ง/ขาดแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ฤดูแล้ง

–    ระบบคลองส่งน้ำยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร

 

ชื่อปัญหา สภาพปัญหา
4.      ปัญหาด้านสังคม4.1    ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก     (ศพด.) คับแคบ  ชำรุด ขาดวัสดุอุปกรณ์ในการดำเนินงาน4.2   ปัญหาการว่างงาน /การอพยพหางานทำ4.3    ปัญหายาเสพติด

 

 

 

 

4.4    ขาดการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของราษฎร หมู่บ้าน ตำบล เช่น การจัดกิจกรรมเวทีประชาคม กิจกรรมเนื่องในวันสำคัญต่างๆ  เป็นต้น

–    ก่อสร้างมาเป็นเวลานาน  ชำรุด-    เด็กใน ศพด. ได้รับการดูแลได้ดีไม่เท่าที่ควร-    ขาดสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน และเครื่องอำนวยความสะดวก-     อุปกรณ์เครื่องเล่นกลางแจ้งมีสภาพเก่าเนื่องจากใช้มาเป็นเวลานาน-    ขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ-    การจ้างงานมีน้อย / อัตราค่าจ้างแรงงานต่ำ

–    ไม่มีแหล่งงานในพื้นที่

 

–     มีการระบาดการใช้ยาเสพติดในกลุ่มเยาวชนมีจำนวนค่อนข้างมาก

–     ครอบครัวขาดความอบอุ่น

–     ขาดสถานที่ในการออกกำลังกาย/จัดกิจกรรมร่วมกันของเยาวชน

–     เยาวชนขาดจิตสำนึก ไม่ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ขาดกิจกรรมร่วมกัน

–     ราษฎรขาดจิตสำนึกในการเป็นพลเมืองดี

 

–      ผู้นำท้องถิ่นไม่เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่มีเวลาว่างต้อง              ประกอบอาชีพ ขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่

–      ท้องถิ่นขาดกฎระเบียบในการปฏิบัติร่วมกันเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น และเพื่อ         การดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

–      ท้องถิ่นละเลยขนบธรรมเนียมประเพณีดีงามที่ปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนาน

 

 

 

ชื่อปัญหา สภาพปัญหา
5. ปัญหาด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม5.1  ขาดสถานที่/ อุปกรณ์ ในการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูล5.2  ประชาชนขาดโอกาสทางการศึกษาทั้งในและนอกระบบอย่างต่อเนื่อง5.3  จารีตประเพณีดั้งเดิมถูกละเลย5.4  ปัญหาการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นมีน้อย5.5  ผู้ปกครองเด็กใน ศพด. / โรงเรียนมีรายได้น้อย 

6. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

6.1  ปัญหามลภาวะเป็นพิษทางอากาศ  (กลิ่นเหม็นจากมูลสุกร)

6.2  ปัญหาการทิ้งขยะไม่

เป็นที่เป็นทาง

 

6.3   ลำน้ำตื้นเขิน

–    ขาดงบประมาณสนับสนุน-     ราษฎรไม่ใส่ใจที่จะศึกษาหาความรู้ใส่ตัว เนื่องจากต้องใช้เวลาในการประกอบอาชีพ-     ครัวเรือนยากจนทำให้เด็กขาดโอกาสเรียนต่อในชั้นเรียนที่สูงขึ้น

–     ราษฎรมองไม่เห็นคุณค่าจึงไม่ใส่ใจในการอนุรักษ์

 

–      สังคมปัจจุบันเป็นสังคมเมืองตัวใครตัวมัน การใส่ใจช่วยเหลือซึ่งกันและ              กันมีน้อย

–      ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลให้ราษฎรต้องประกอบอาชีพ ไม่มีเวลาว่างเข้า          ร่วมกิจกรรมท้องถิ่น ไม่มีเวลาให้ทางราชการได้เผยแพร่ข่าวสาร ข้อมูล              แนวทางปฏิบัติที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน-     ราษฎรบางครัวเรือนมีอาชีพเลี้ยงสุกรและบางครัวเรือนเลี้ยงเป็นจำนวนมาก         เลี้ยงในชุมชน ส่งกลิ่นเหม็นของมูลสุกร

–     ราษฎรขาดจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง          แวดล้อม

–     มีวัชพืชปกคลุม

–     ประชาชนทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง

 

 

 

 

ชื่อปัญหา สภาพปัญหา
7. ปัญหาด้านสาธารณสุข7.1  ขาดสถานที่ เจ้าหน้าที่ในการให้บริการด้านสาธารณสุข/ขาดเครื่องมือทางการแพทย์ทันสมัย7.2  ราษฎรไม่ได้รับการคุ้มครองด้านการรักษาพยาบาล7.3  ขาดแคลนอุปกรณ์และสถานที่ในการออกกำลังกาย7.4  ขาดระบบระบายน้ำสาธารณะ และน้ำเสียทำให้น้ำขังท่วม 

 

8. ปัญหาด้านการเมือง การบริหาร

8.1 ปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้นำท้องถิ่นกับข้าราชการการเมือง (สมาชิก เทศบาล)

8.2 ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขาย  เสียง และการไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง

–     เทศบาลตำบลป่าบง มีจำนวนหมู่บ้าน 6 หมู่บ้าน  มีสถานีอามัยเพียงแห่งเดียว         ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน-     ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย-       ราษฎรส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการประกันสุขภาพ-        ขาดงบประมาณในการสนับสนุน-        บางหมู่บ้าน น้ำท่วมขังในชุมชนเนื่องจากเป็นที่ลุ่มขาดระบบระบายน้ำที่ดี

 

 

 

–         บุคคลทั้งสองฝ่ายขาดความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเอง

 

–          ราษฎรขาดความรู้ความเข้าใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

 

 

ผลการวิเคราะห์ผังเมืองรวมหรือผังเมืองเฉพาะเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาทางกายภาพในพื้นที่ 

ทิศทางการพัฒนาองค์การ หน่วยงานที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในท้องถิ่นในอนาคต

ประชาคมอาเซียน   (ASEAN Community)   “One Vision, One Identity, One Community” “อาเซียน” เป็นองค์การทางภูมิรัฐศาสตร์และองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า อาเซียนมีพื้นที่ราว 4,435,570 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 590ล้านคน ในปี พ.ศ. 2553 ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของชาติสมาชิกรวมกันคิดเป็นมูลค่าราว 1.8 ล้านล้านดอลล่าสหรัฐอเมริกา อยู่ในลำดับที่ 9 ของโลก เมื่อเรียงตามผลิตภัณฑ์มวลรวม มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการของอาเซียน ประชาคมอาเซียนประกอบด้วย 3 เสาหลัก (Pillars)ได้แก่    

1) ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community: APSC) มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แก้ไขปัญหาภายในภูมิภาคโดยสันติวิธี และยึดมั่นในหลักความมั่นคงรอบด้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ประชาคมการเมืองและความมั่นคง

2) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community: AEC) เป็นเป้าหมายด้านเศรษฐกิจหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างอาเซียน  ภายหลังการลงนามจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนประชาคมเศรษฐกิจมีองค์ประกอบสำคัญคือการเป็นตลาดและเป็นฐานการผลิตร่วมกัน โดยมีการเคลื่อนย้ายสินค้า  บริการ  การลงทุน  แรงงานฝีมืออย่างเสรี และเงินลงทุนที่เสรีมากขั้น  มีความสามารถในการแข่งขันสูง  มุ่งสร้างความเท่าเทียมในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศอาเซียน  และการส่งเสริมการรวมกลุ่มอาเซียนเข้ากับประชาคมโลก ขนาดของตลาดอาเซียนที่ใหญ่ขึ้น มีอำนาจซื้อสูงขึ้น ความสามารถในการแข่งขันกับภูมิภาคอื่นที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งช่วยให้ชาติสมาชิกสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์อาเซียนมีโครงการเชื่อมโยงเส้นทางหลวงอาเซียน การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟจากสิงคโปร์ ผ่านไปยัง มาเลเซีย ไทย กัมพูชา เวียดนามและสิ้นสุดที่เมือง   คุณหมิงสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ การปรับมาตรฐานของเส้นทางคมนาคมทางบกและทางรถไฟให้มีมาตรฐานเดียวกันได้ส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียนด้านการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นด้วย อาเซียนมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคโดยการจัดทำเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) และเริ่มรวมตัวกับประเทศหรือกลุ่มคู่ค้าสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย ฯลฯ ความเหนียวแน่นใกล้ชิดระหว่างกันจะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้อาเซียนสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดจากการรวมตัวกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการขยายการส่งออกและโอกาสทางการค้า  และการบริการในสาขาที่ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขัน เช่น การท่องเที่ยว โรงแรมและภัตตาคาร  สุขภาพ ฯลฯ  นอกจากนี้  ยังจะช่วยเสริมสร้างโอกาสในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมายังอาเซียน  ซึ่งจะเพิ่มอำนาจการต่อรองของอาเซียนในเวทีการค้าโลก  และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในอาเซียนโดยรวม

3) ประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community: ASCC) มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ร่วมกันในสังคมที่เอื้ออาทร ประชากรมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการพัฒนาในทุกด้าน และมีความมั่นคงทางสังคม (Social security)  โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น

(1)การพัฒนาสังคม โดยการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ด้อยโอกาสและผู้ที่อาศัยในถิ่นทุระกันดาร และส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของกลุ่มต่างๆ ในสังคม

(2)การพัฒนาการฝึกอบรม การศึกษาระดับพื้นฐานและสูงกว่า การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสร้างงานและการคุ้มครองทางสังคม

(3)การส่งเสริมความร่วมมือในด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ เช่น โรคเอดส์ และโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง

(4) การจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

(5) การส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเขียน นักคิด

 

            เป้าหมายสำคัญของ AEC และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

1) เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้า การบริการการลงทุน แรงงาน และเงินทุนที่เสรี

  • อาจมีการลงทุนจากต่างประเทศ ในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่า
  • ธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SMEs อาจถูกซื้อกิจการหรือร่วมทุนจากต่างประเทศ
  • เกิดความต้องการจากกลุ่มทุนต่างชาติให้มีการพัฒนาระบบเครือข่ายการคมนาคม รวมถึง

โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มากขึ้น

  • กลุ่มแรงงานวิชาชีพอาจโยกย้ายระหว่างประเทศตามแรงจูงใจทางด้านค่าจ้าง และกลุ่มแรงงานทั่วไปก็อาจย้ายเข้ามาทำงานในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
  • การเคลื่อนย้ายในเรื่องแรงงานอาจก่อให้เกิดปัญหาโรคระบาดได้

2) เพื่อให้เกิดตลาดและฐานการผลิตร่วม

  • การเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรที่จำเป็นต่อการผลิต อาทิ เรื่อง กรรมสิทธิ์ที่ดินการใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และอาจมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมา

3) เพื่อให้เกิดการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน

4) เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเสมอภาค

5) เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงเข้ากับเศรษฐกิจโลกได้ดีขึ้น

 

บทวิเคราะห์ผลกระทบของประชาคมอาเซียน (AEC) ต่อภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้อเสนอแนะแนวทางการปรับตัวผลกระนงการปรับตัว

1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนภายในท้องถิ่น เช่นการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานที่จำ เป็นต่อการผลิตเช่น ไฟฟ้า และประปา ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจจำเป็นต้องประสานความร่วมมือกับส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง

2) การพัฒนาส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจเนื่องการหลั่งไหลเข้ามาของทุนต่างชาติที่จะเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญในการดูแลและช่วยเหลือกลุ่มอาชีพ กลุ่มผู้ผลิตในพื้นที่ โดยอาจจะต้องมีนโยบายในการส่งเสริมอาชีพ ทั้งอาชีพหลัก และอาชีพเสริมเปิดรับวิสัยทัศน์ในกระบวนการผลิตแบบใหม่ เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตให้เป็นมาตรฐานเท่าเทียมกับระดับสากล และบทบาทในการส่งเสริมการลงทุนให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น

  • สร้างองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนในการปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่มีการแข่งขันสูง
  • ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นสร้างผลิตภัณฑ์ ต่อยอดและพัฒนาคุณภาพของสินค้าบริการ
  • สร้างจุดแข็งของสินค้าบริการในพื้นที่ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน

3) การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป้าหมายเรื่องการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของประชาคมอาเซียน   ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเร่งปรับระบบการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม   ซึ่งจะต้องดูแลทรัพยากรและจัดการอย่างเป็นระบบ   โดยเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ   โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนเน้นการจัดการบนพื้นฐานของความเป็นเจ้าของร่วมกัน   เพื่อสร้างความรัก ความหวงแหนในทรัพยากรและก่อเกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม  เช่น   เรื่องของการควบคุมมาตรฐานการดูแลรักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   เพื่อให้เกิดการจัดการที่มีประสิทธิภาพตลอดจนอาจต้องทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันในเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

  • ต้องมีบทบาทมากขึ้นในการเฝ้าระวังการ
  • มีการกำหนดแผนและมาตรการป้องกันและบรรเทาวิกฤติทางด้านสิ่งแวดล้อม
  • มีการซักซ้อมทำความเข้าใจในแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

รวมทั้งทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

4) สังคมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ต้องเตรียมรับผลกระทบจากปัญหาสังคม และสาธารณสุขที่อาจเกิดจากการเคลื่อนย้ายแรงงาน และนักท่องเที่ยวโดยเสรี อาทิ       โรคระบาด ความขัดแย้งทางสังคมและเชื้อชาติ  และอาชญากรรม ข้ามชาติ อาทิ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเน้นการจัดบริการสาธารณะให้ได้มาตรฐานที่กำหนดในแต่ละงานหรือกิจกรรมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจะต้องจัดสวัสดิการสังคมสำหรับเด็ก กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มด้อยโอกาสอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง นอกจากนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญกับการเข้าถึงการดูแลสุขภาพของคนในชุมชน ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีการดำรงชีวิตที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

  • มีแนวทางหรือนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องต่างๆ อาทิ การป้องกันโรคระบาดและการจัดการสาธารณสุขขั้นมูลฐาน การจัดการศึกษาให้กับลูกหลาน การบริหารจัดการเรื่องแรงงานต่างชาติที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย และการจัดสวัสดิการให้แก่แรงงานอพยพระทบ แนวทางการปรับตัว

5) การรักษาความสงบเรียบร้อย  และ อาชญากรรมจากผลการเคลื่อนย้ายแรงงาน รวมทั้งให้การสนับสนุนกำลังอาสาสมัคร(อปพร.) กับหน่วยงานอื่นการต้องพัฒนาระบบและจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานอพยพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   ตลอดจนร่วมกับชุมชนในการกำหนดกติกาและหลักเกณฑ์ของชุมชนให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้ออาทรและมีความมั่นคง

  • ควรต้องมีบทบาทหน้าที่ในเรื่องการเฝ้าระวังปัญหาด้านอาชญากรรมมากขึ้น รวมทั้งให้การสนับสนุนกำลัง (อปพร) กับหน่วยงานอื่น
  • ควรต้องพัฒนาระบบ และจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานอพยพร่วมกับราชการส่วนกลางเพื่อนำมาใช้ในยามจำเป็น
  • ในบางกรณี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาจต้องร่วมกับชุมชนในการกำ หนดกติกาและหลักเกณฑ์ของชุมชนสำหรับแรงงานต่างชาติ

6) การจัดการด้านภาษา วัฒนธรรม และจารีตประเพณี

  • จัดทำข้อมูลที่จำเป็น สำหรับแรงงานต่างชาติเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาอาเซียนอื่นๆ
  • ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และทำความเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนการเข้าสูประชาคมอาเซียนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาการจัดบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานเป็นพื้นฐานของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจโดยเน้น “การพัฒนามาตรฐานด้านการศึกษา”     ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคุณภาพในการจัดการศึกษา โดยการสนับสนุนงบประมาณทางด้านสื่อการเรียนการสอน ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการสื่อสารที่ดี   การพัฒนาและสนับสนุนครูผู้สอนให้มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศสมาชิกและนำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบการเรียนการสอน ทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ที่ทันสมัยมีความเป็นสากล
  • ควรส่งเสริมให้มีกิจกรรมรักษาวัฒนธรรมภูมิปัญญาของตนเองเอาไว้
  • เน้นจัดหลักสูตรการเรียนการสอน หรือ จัดตั้งศูนย์ภาษาประจำท้องถิ่นที่จำเป็นที่ใช้ในอาเซียน

ผลการวิเคราะห์ศักยภาพเพื่อประเมินสถานภาพการพัฒนาในปัจจุบันและโอกาสการพัฒนาในอนาคต

   ในการศึกษาวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน ศักยภาพ และข้อจำกัดในการพัฒนาของเทศบาลตำบลป่าบง  ได้ใช้เทคนิคการวิเคราะห์สวอท (SWOT Analysis) SWOT เป็นคำย่อในภาษาอังกฤษ

S = Strengths หรือจุดแข็ง หมายถึง ปัจจัยภายในต่าง ๆ ที่ช่วยให้การพัฒนาในระยะยาวขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าบงประสบผลสำเร็จ

W = Weaknesses หรือจุดอ่อน หมายถึง ปัจจัยภายในต่าง ๆ ที่หากไม่ได้รับการแก้ไข

อาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในระยะยาวของเทศบาลตำบลป่าบง  และทำให้การพัฒนาอาจไม่ประสบผลสำเร็จตามแผนที่วางไว้

O = Opportunities หรือโอกาส หมายถึง   ปัจจัยเกื้อหนุนภายนอกที่เป็นประโยชน์ต่อ

การพัฒนาในระยะยาวของเทศบาลตำบลป่าบง    ปัจจัยเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  เทศบาลตำบลป่าบง จะต้องติดตาม  คาดคะเน  และหาโอกาสที่จะนำเอาปัจจัยเกื้อหนุนเหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในระยะยาวให้มากที่สุด

    T = Threats หรือภัยคุกคาม หมายถึง ปัจจัยภายนอกที่เป็นอุปสรรคและข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจจะเป็นอุปสรรคหรือเป็นผลเสียต่อการพัฒนาในระยะยาวของเทศบาลตำบลป่าบง

SWOT  Analysis  เป็นเทคนิคที่ใช้กันมากในการบริหารธุรกิจ  และต่อมาได้ถูกนำมาใช้โดยส่วนราชการหลายแห่งในการวิเคราะห์ศักยภาพ โอกาส และข้อจำกัดของการพัฒนา เช่น การจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดของกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น การนำเอาเทคนิคการ วิเคราะห์แบบ SWOT มาใช้ในการประเมินศักยภาพ  ความพร้อมและปัจจัยเกื้อหนุน  และปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าบง  นอกจากจะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายและมองเห็นภาพได้ชัดเจนอีกด้วยซึ่งจากการใช้เทคนิค SWOT มาวิเคราะห์สถานการณ์ของเทศบาลตำบลป่าบง ซึ่งได้สรุปผลการวิเคราะห์ทั้งหมด 6 หมู่บ้าน  ดังนี้

การวิเคราะห์โดยเทคนิค SWOT นี้  ได้ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในด้านต่าง ๆ ขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าบง ทั้งทางด้านสภาพทั่วไป ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการเมืองการบริหาร และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ซึ่งได้รวบรวมขึ้นเพื่อนำเสนอในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเทศบาลตำบลป่าบง ในการนำไปใช้ในงานด้าน อื่น ๆ เช่น การจัดทำแผนพัฒนาสามปี  การจัดทำแผนปฏิบัติการ การจัดทำเอกสารบรรยายสรุป และการวางแผนทางการบริหารทั่ว ๆ ไป

จุดแข็ง ( Strengths )

  1. ราษฎรตื่นตัวมีส่วนร่วมในการพัฒนา ประชาชนให้ความสนใจเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมจำนวนมาก
  2. มีกลุ่มการเกษตร และกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีความเข้มแข็ง
  3. มีการทำการเกษตรและมีพืชเศรษฐกิจคือการทำสวนลำไย
  4. มีแหล่งน้ำทำการเกษตรเพียงพอในการทำการเกษตร
  5. มีภูมิปัญญาชาวบ้านในการผลิตผลิตภัณฑ์จักสานไม้ไผ่

จุดอ่อน ( Weaknesses )

  1. กลุ่มอาชีพมีหลายกลุ่ม  แต่ไม่มีความเข้มแข็ง  ยังไม่มีความชัดเจนในการบริหารกิจการ
  2. มีปัญหาสิ่งแวดล้อม  ขยะ  มลภาวะทางอากาศ
  3. ไม่มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
  4. ขาดตลาดรองรับในสินค้าทางการเกษตรและสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP
  5. กลุ่มองค์กรชุมชนยังไม่เข้มแข็ง  ยังไม่มีความสามัคคีกัน
  6. ขาดสถานที่ในการรวมกลุ่มเพื่อประกอบกิจกรรมร่วมกัน

 

โอกาส ( Opportunities )

  1. จังหวัดส่งเสริมให้ทำเมืองน่าอยู่
  2. เชียงใหม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย  และเป็นที่รู้จัก เช่น เวียงกุมกาม
  3. สารภีมีพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อ (ลำไย)
  4. มีหมู่บ้านที่ผลิตผลิตภัณฑ์จักสานไม้ไผ่ สามารถพัฒนาเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวได้
  5. วัดยังเป็นศูนย์กลางของประเพณี  วัฒนธรรม  ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ดีงาม
  6. ส่วนราชการที่อยู่ในเทศบาลตำบลป่าบง  สามารถมีการประสานงานขอความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น

ข้อจำกัด/ภัยคุกคาม ( Threats )

  1. งบประมาณมีน้อย
  2. ผลิตภัณฑ์ในพื้นที่อื่นมีหลากหลายกว่า
  3. การบังคับใช้กฎหมายยังไม่จริงจัง
  4. ประชาชนยังไม่มีความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์การรวมกลุ่มเพื่อดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ  ขาดการส่งเสริม  พัฒนาสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่ม
  5. ขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการตลาด/การส่งออก
  6. หน่วยงานภาครัฐมีบุคลากรไม่เพียงพอที่จะดำเนินการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
  7. การแจ้งข้อมูลทางด้านคนยากจน/ข้อมูลจากการสำรวจ จปฐ. ยังไม่มีความชัดเจนและเป็นข้อมูลที่เป็นจริง  ทำให้ยากต่อการให้ความช่วยเหลือไม่มีสถานที่สำหรับก่อสร้างเป็นศูนย์รวมในการประกอบกิจกรรมของชุมชนต่าง ๆ